10 ที่เที่ยวเกียวโต ที่จะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นมากขึ้น!

เกียวโต (Kyoto) เมืองแห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต่างหลงใหล ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม วัดวาอารามและศาลเจ้าที่สะท้อนถึงความสง่างามในอดีต รวมถึงทัศนียภาพธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจในทุกฤดูกาล เกียวโตเป็นเมืองที่ผสมผสานความสงบเงียบของวิถีชีวิตดั้งเดิมเข้ากับความงามของศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลงตัว

วันนี้แบกเมียเที่ยวจะพาคุณไปสำรวจ 10 ที่เที่ยวเกียวโต ที่จะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นมากขึ้น! ซึ่งไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ล้ำค่า ทุกสถานที่จะนำพาคุณไปสัมผัสกับเรื่องราวและความประทับใจที่ไม่เหมือนใคร มาร่วมเดินทางไปกับเราผ่านโลกแห่งเกียวโต และเตรียมพร้อมที่จะหลงรักเมืองแห่งนี้อย่างไม่มีวันลืม!

ที่เที่ยวเกียวโต

10 ที่เที่ยวเกียวโต ที่จะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นมากขึ้น!

เกียวโต (Kyoto) เมืองที่ผสมผสานความสง่างามของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ากับธรรมชาติที่งดงาม เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นมากว่า 1,000 ปี ซึ่งทำให้เมืองนี้มีสมบัติทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นวัด ศาลเจ้า ปราสาท และสวนแบบญี่ปุ่นที่งดงาม ทุกซอกมุมของเกียวโตสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

หนึ่งในเอกลักษณ์ของเกียวโตคือการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความเป็นโบราณได้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับชีวิตที่เร่งรีบในตัวเมือง พร้อมๆ กับการเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบในสวนหรือวัดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ที่เที่ยวเกียวโตที่มีชื่อเสียงมีมากมาย เช่น วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera)หรือวัดน้ำใส, ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari) กับเสาโทริอิสีแดงเรียงราย และวัดทองคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) ที่หุ้มด้วยทองคำสวยงามและสะท้อนในสระน้ำอย่างน่าทึ่ง นอกจากความสวยงามของวัดและศาลเจ้าแล้ว เกียวโตยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสำรวจอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบไคเซกิ (Kaiseki) หรือขนมญี่ปุ่นที่เสิร์ฟพร้อมกับชาเขียวในพิธีชงชาที่มีความละเมียดละไมในทุกรายละเอียด อีกทั้งยังมีตลาดนิชิกิ (Nishiki Market) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแบบสดใหม่ได้อย่างจุใจ

ฤดูกาลในเกียวโตเต็มไปด้วยความงดงามในแต่ละช่วง ฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง ฤดูร้อนเขียวชอุ่มตามหุบเขา ฤดูใบไม้ร่วงงดงามด้วยใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาวที่เงียบสงบปกคลุมไปด้วยหิมะ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทำให้ทุกครั้งที่คุณมาเยือนเกียวโต คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างและแปลกใหม่ไปจากเดิม

วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera)

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera) หรือที่รู้จักในชื่อ “วัดน้ำใส” เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโต ตั้งอยู่บนเนินเขาฮิงาชิยามะ (Higashiyama) ทางตะวันออกของเมือง เป็นวัดพุทธที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 778 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคืออาคารหลักที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ฮิงาชิยามะ ทำจากไม้โดยไม่ใช้ตะปู จุดชมวิวจากระเบียงของวัดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สร้างบรรยากาศโรแมนติก ภายในวัดมีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์คือ น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ซึ่งไหลมาจากภูเขา คำว่า “คิโยมิซุ” หมายถึง “น้ำใส” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ น้ำตกนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามสาย นักท่องเที่ยวสามารถดื่มน้ำจากทั้งสามสายที่เชื่อกันว่าจะนำความโชคดีในด้านการเรียน ความรัก และสุขภาพ

ความสำคัญ: วัดคิโยมิซุเดระได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาในพระโพธิสัตว์กวนอิม วัดนี้ยังมีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากน้ำตกโอโตวะที่เชื่อกันว่าสามารถบันดาลความสมหวังในเรื่องต่าง ๆ
วิธีการเดินทาง: นั่งรถบัสจาก Kyoto Station สาย 100 หรือ 206 ลงที่ป้าย Kiyomizu-michi หรือ Gojo-zaka และเดินต่อประมาณ 10 นาที

ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha)

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ Fushimi Inari Shrine

ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันดีในด้านเสาโทริอิสีแดงเรียงรายเป็นแถวทอดยาวบนเนินเขาอินาริ เส้นทางเดินขึ้นเขานี้นับเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่งดงามที่สุดในเกียวโต นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจเมื่อได้เดินผ่านอุโมงค์โทริอิที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม

ความสำคัญ: ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่บูชาเทพอินาริ เทพเจ้าแห่งข้าวและความอุดมสมบูรณ์ ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริเป็นศาลเจ้าแม่แบบของศาลเจ้าฟูชิมิหลายพันแห่งทั่วญี่ปุ่น
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟ JR Nara Line จากสถานีเกียวโตไปลงที่สถานี Inari ใช้เวลาเพียง 5 นาที จากนั้นเดินเพียงไม่กี่นาทีถึงศาลเจ้า

วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หรือวัดทอง

วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หรือวัดทอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกียวโตที่มีอาคารที่หุ้มด้วยทองคำตั้งอยู่ริมบ่อน้ำ ซึ่งสะท้อนภาพของวัดในน้ำอย่างสวยงาม ทิวทัศน์ที่งดงามของวัดนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมจะยิ่งเสริมบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นเอกลักษณ์

ความสำคัญ: วัดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเกียวโตและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สถานที่แห่งนี้ยังสะท้อนถึงปรัชญาทางพุทธศาสนาในเรื่องความงดงามของสรรพสิ่ง
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถบัสสาย 101 หรือ 205 จากสถานีเกียวโตไปลงที่ป้าย Kinkaku-ji-michi ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีถึงวัด

สวนป่าไผ่ อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove)

สวนป่าไผ่ เกียวโต

สวนป่าไผ่ อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั่วโลกด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติที่งดงาม ทางเดินผ่านป่าไผ่ที่สูงชันทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความสงบและความงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว

ความสำคัญ: สวนป่าไผ่นี้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ และถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นธรรมชาติและการพักผ่อน
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟ JR Sanin Line ไปยังสถานี Saga-Arashiyama แล้วเดินประมาณ 10 นาทีถึงสวนป่าไผ่

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)

ปราสาทนิโจ Nijo Castle

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ สร้างโดยโชกุนโทคุงาวะ ภายในปราสาทมีห้องโถงที่ประดับด้วยภาพวาดฝาผนังสวยงาม และมีสวนแบบญี่ปุ่นที่ล้อมรอบ

ความสำคัญ: ปราสาทนิโจเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมของปราสาทญี่ปุ่นในยุคสมัยโบราณ
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line ไปลงที่สถานี Nijojo-mae ใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาที

วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji)

วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji) เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตอุเคียว (Ukyo) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1450 วัดนี้เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากสวนหินเซน ซึ่งถือเป็นต้นแบบของสวนเซนที่มีความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความลึกซึ้ง สวนหินของวัดเรียวอันจิเป็นไฮไลท์หลัก ประกอบด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ 15 ก้อนที่ถูกจัดวางบนพื้นกรวดขาวที่ถูกกวาดอย่างประณีต การออกแบบสวนนี้เป็นไปตามปรัชญาของเซนที่เน้นความเรียบง่าย สวนหินนี้ยังเป็นปริศนาที่ท้าทายให้ผู้ชมครุ่นคิด เนื่องจากไม่ว่าคุณจะนั่งมองจากจุดไหน ก็ไม่สามารถเห็นหินทั้ง 15 ก้อนได้พร้อมกัน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งก้อนที่ถูกบังสายตา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ นอกจากสวนหินแล้ว ภายในวัดยังมีบ่อน้ำที่เรียกว่า Kyoyochi Pond ซึ่งเป็นบ่อที่มีมาตั้งแต่ก่อนวัดถูกสร้างขึ้น บ่อนี้ล้อมรอบด้วยต้นไม้และพืชพรรณ ทำให้สถานที่นี้เงียบสงบและเหมาะสำหรับการครุ่นคิดและทำสมาธิ

ความสำคัญ: วัดเรียวอันจิเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัดเซน และเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่นักท่องเที่ยวมาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับปรัชญาเซนและความหมายของความเรียบง่าย
วิธีการเดินทาง: จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) นั่งรถบัสสาย 50 หรือ 55 ไปลงที่ป้าย Ryoanji-mae แล้วเดินต่อเพียงไม่กี่นาที
หรือ นั่งรถไฟสาย Keifuku Kitano Line ไปลงที่สถานี Ryoanji แล้วเดินต่อเพียง 7 นาที

ศาลเจ้าคาโมะ (Kamo Shrine)

ศาลเจ้าคาโมะ (Kamo Shrine) หรือที่เรียกว่า “คามิงาโมะ และชิมิงาโมะ” เป็นศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในเกียวโต ศาลเจ้านี้มีอายุมากกว่าพันปีและเป็นสถานที่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก บรรยากาศของศาลเจ้าสร้างความรู้สึกสงบและความเป็นมงคล

ความสำคัญ: ศาลเจ้าคาโมะได้รับการยอมรับเป็นมรดกโลก และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดิน Karasuma Line ไปยังสถานี Kitayama แล้วเดินประมาณ 15 นาที

ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)

ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market) เป็นตลาดสดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันในนาม “ครัวของเกียวโต” (Kyoto’s Kitchen) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเกียวโต ตลาดนี้ทอดยาวกว่า 400 เมตรตามถนนนิชิกิโดริ (Nishiki-dori) ซึ่งเป็นถนนสายเล็ก ๆ ที่ขนานกับถนนชิโจ (Shijo) นับเป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งและสำรวจวัฒนธรรมการกินของเกียวโตที่สำคัญ ตลาดนิชิกิมีร้านค้ามากมายที่ขายสินค้าอาหารพื้นเมืองญี่ปุ่น ทั้งของสด วัตถุดิบปรุงอาหาร ขนมหวาน และอาหารพร้อมทาน

สินค้าที่จำหน่ายในตลาดนี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่ปลาสด ผักดอง ผลไม้สด และอาหารทะเลที่หาได้ในท้องถิ่น ไปจนถึงขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น โมจิ ทาโกะยากิ รวมถึงเครื่องปรุงและเครื่องเทศท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ซอสถั่วเหลือง มิโซะ และผงพริกแบบญี่ปุ่น ตลาดนี้ยังมีร้านอาหารเล็ก ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งทานอาหารในบรรยากาศท้องถิ่นได้

ความสำคัญ: ตลาดนิชิกิถือว่าเป็น “ครัวของเกียวโต” ที่เต็มไปด้วยอาหารท้องถิ่นและวัฒนธรรมการกินที่มีเอกลักษณ์
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma Line ไปยังสถานี Shijo แล้วเดินประมาณ 10 นาทีถึงตลาด
หรือขึ้นรถบัสสาย 101 หรือ 205 แล้วลงที่ป้าย Shijo-Kawaramachi จากนั้นเดินต่อเพียง 5 นาทีถึงตลาด

วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji) หรือวัดเงิน

วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji) หรือ “วัดเงิน” ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1482 โดยโชกุนอาชิคางะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ซึ่งมีความประสงค์จะสร้างวัดแห่งนี้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวในบั้นปลายชีวิต วัดนี้ได้รับอิทธิพลจากวัดทองคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) ซึ่งเป็นวัดที่สร้างโดยคุณปู่ของเขา อย่างไรก็ตาม วัดนี้ไม่เคยถูกปิดทองเหมือนชื่อ “วัดเงิน” ที่ตั้งชื่อไว้ แต่ชื่อที่ได้รับนี้เป็นการเปรียบเทียบกับวัดทองแทน

วัดกินคะคุจิเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมเซนและสวนแบบญี่ปุ่น ที่นี่ประกอบด้วยอาคารหลักที่เรียกว่า “กินคะคุ” (หอเงิน) ที่ตั้งอยู่ริมบ่อ และล้อมรอบไปด้วยสวนแบบเซนที่งดงาม สวนในวัดนี้มีทั้งสวนกรวดที่ตกแต่งอย่างประณีตและสวนแบบภูมิทัศน์ที่เขียวชอุ่ม บริเวณ “ทะเลทรายเงิน” ซึ่งเป็นการจัดวางกรวดขาวที่กวาดเป็นลวดลายคลื่น ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ การเดินชมรอบๆ สวนจะนำพาผู้มาเยือนผ่านเส้นทางที่ผ่านภูเขาเล็ก ๆ ภายในวัด ซึ่งให้ทิวทัศน์ที่สวยงามของอาคารและสวนทั้งหมดจากมุมสูง

ความสำคัญ: วัดนี้สะท้อนถึงความเรียบง่ายและสุนทรียศาสตร์ของวัฒนธรรมเซน และเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญในเกียวโต
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถบัสจากสถานีเกียวโตสาย 5 หรือ 17 ไปลงที่ป้าย Ginkakuji-michi แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที

ย่านกิออน (Gion)

กิออน gion

ย่านกิออน (Gion) เป็นย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประเพณีของเกียวโต ที่นี่เป็นแหล่งชมเกอิชาที่มีชื่อเสียง และยังเป็นที่ตั้งของบ้านเก่าแก่ที่ยังคงสภาพดี ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และโรงน้ำชาที่เสิร์ฟชาเขียวแบบพิธีการดั้งเดิม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกิออนสามารถสัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุคและชีวิตของเกอิชาได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าชื่อดังอย่าง ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)

ความสำคัญ: กิออนเป็นย่านที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยเฉพาะการแสดงของเกอิชา
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถบัสจากสถานีเกียวโตไปลงที่ป้าย Gion แล้วเดินเพียงไม่กี่นาที

เกียวโต เปรียบเสมือนหน้าต่างที่พาเราย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยโบราณ ที่นี่คุณจะได้เดินชมวัดและศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงาม ลัดเลาะตามตรอกซอยที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ พร้อมสัมผัสกับบรรยากาศของป่าไผ่ที่สงบเงียบ และชื่นชมทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่หลงใหลในศิลปะ วัฒนธรรม อาหารท้องถิ่น หรือธรรมชาติ เกียวโตก็มีทุกสิ่งที่คุณตามหา เตรียมพบกับประสบการณ์การเดินทางที่แสนพิเศษ ที่จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคุณไปอีกนาน มาสำรวจเกียวโต และดื่มด่ำไปกับเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร!!

บอกให้เพื่อนของคุณทราบ