ตามรอยอนิเมะ โตเกียว สถานที่ท่องเที่ยวที่แฟนอนิเมะไม่ควรพลาด

สำหรับแฟนอนิเมะ การได้ “ตามรอย” สถานที่ในอนิเมะที่ชื่นชอบ ถือเป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่ควรพลาด เปรียบเสมือนการได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งอนิเมะ สัมผัสบรรยากาศ และสถานที่ต่างๆ ที่เคยเห็นบนหน้าจอ นับเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่าจดจำ ช่วยให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดกับอนิเมะเรื่องโปรด และสร้างมิตรภาพกับโอตาคุจากทั่วโลก หากพร้อมแล้ว มาเก็บกระเป๋าออกเดินทางสู่โลกการ์ตูน กับการท่องเที่ยวตามรอยอนิเมะ โตเกียว กันเลย…

ตามรอยอนิเมะ โตเกียว

ตามรอยอนิเมะ โตเกียว สถานที่ท่องเที่ยวที่แฟนอนิเมะไม่ควรพลาด

โตเกียว นอกจากเป็นเมืองหลวงที่คึกคัก เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ยังเป็น “ฉากหลัง” ของอนิเมะชื่อดังหลายเรื่อง เช่น Your Name, วันพีซ (One Piece), ดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer), ซอร์ดอาร์ตออนไลน์ (Sword Art Online), ผ่าพิภพไททัน (Attack on Titan), มหาเวทย์ผนึกมาร (jujutsu kaisen) และอีกมากมาย เพื่อนๆ จะได้พบกับฉากและสถานที่ในอนิเมะนับร้อยฉากในสถานที่จริงทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในโตเกียว ดังนั้นใครที่ชื่นชอบสถานที่ดังในอนิเมะ และมีทริปจะไปเที่ยวโตเกียว ห้ามพลาดสถานที่เหล่านี้

ดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer)

คิมิสึ โนะ ไยบะ (Kimetsu no Yaiba) หรือที่รู้จักในชื่อ ดาบพิฆาตอสูร นั้นเป็นเรื่องราวของ “คามาโดะ ทันจิโร่” เด็กชายที่ครอบครัวถูกอสูรฆ่าตาย เหลือเพียงเขาและน้องสาวที่ชื่อ “เนะซึโกะ” เท่านั้น แต่เนะซึโกะที่รอดตายกลับกลายเป็นอสูร ท่ามกลางความสิ้นหวัง ทันจิโร่ก็ได้พบกับ “กิยู” นักล่าอสูรที่เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจอยู่ในตัว กิยูจึงได้ชี้นำให้ทันจิโร่เป็นหน่วยพิฆาตอสูร จากนั้นทันจิโร่จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักล่าอสูรตามคำชักชวนของกิยู (หนึ่งในเสาหลักนักล่าอสูร) เพื่อหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ และชำระแค้นจากอสูรที่ฆ่าคนในครอบครัวของเขาให้จงได้

Demon Slayer

ย่านอาซากุสะ (Asakusa)

ภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคไทโชของญี่ปุ่น จึงไม่มีร้านค้าจริงๆแบบในเรื่อง แม้ฉากในเรื่องจะไม่ได้มีสถานที่จริง แต่เพื่อนๆ สามารถไปเที่ยวชมถนนหนทาง ร้านค้าต่างๆ ในย่านอาซากุสะ เพื่อสัมผัสบรรยากาศของอนิเมะเรื่องนี้ได้ โดยสถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ทันจิโร่และมุซัน (ศัตรูของทันจิโร่) เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก

ย่านนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นั้นคือ “วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโจจิ” เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น นับเป็นศูนย์กลางของย่านอาซากุซะเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายของฝากและขนมญี่ปุ่นมากมายตั้งเรียงรายกันบนถนนทอดยาวไปจนถึงตัวโบสถ์ของวัด ชื่อว่า ถนนนากามิเสะ

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงที่สถานี Asakusa

วัดอาซากุสะ Asakusa Temple

ซอร์ดอาร์ตออนไลน์ (Sword Art Online)

ซอร์ดอาร์ตออนไลน์ (Sword Art Online) เป็นเรื่องราว เมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า จนสามารถทำให้เราเข้าไปอยู่ในโลกของเกมส์แฟนตาซี เสมือนว่าเป็นโลกที่เราอยู่จริงๆ แต่สิ่งที่ผิดพลาดคือ ไม่สามารถล็อกเอาท์ออกจากเกมได้ จนกว่าจะเคลียร์เกมนี้ได้ และหากผู้เล่นตายในเกมส์ ผู้เล่นคนนั้นก็จะเสียชีวิตในชีวิตจริงด้วย ดังนั้น คิริโตะ… เด็กหนุ่มที่ได้เข้าร่วมเล่นเกมนี้ จึงต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะโลกเสมือนจริงนี้ แล้วรอดชีวิตออกไปให้ได้

Sword Art Online

ร้าน SHISEIDO PARLOUR

ร้าน SHISEIDO PARLOUR เป็นร้านอาหารที่คิริโตะและเซจิโร่ คิคุโอกะ พบกันในอนิเมะเรื่องนี้ ซึ่งเพื่อนๆสามารถไปสัมผัสบรรยาศแบบในอนิเมะได้ที่ร้าน SHISEIDO PARLOUR ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ในอาคารโตเกียว กินซ่า ชิเซโด้ (Tokyo Ginza Shiseido) เป็นร้านขนมหวานแบรนด์เดียวกับความงามระดับโลกของ SHISEIDO นั่นเอง

วิธีการเดินทาง: ออกจากสถานี Tokyo Metro Ginza แล้วเดินเพียง 5 นาที

ฤดูฝัน ฉันมีเธอ (Weathering with You)

เป็นภาพยนตร์อนิเมะแนวโรแมนติกของญี่ปุ่น ผลงานจากผู้กำกับ Makoto Shinkai พาผู้ชมไปสัมผัสเรื่องราวของ “โฮดากะ” เด็กหนุ่มหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตในโตเกียว และ “ฮินะ” เด็กสาวผู้มีพลังพิเศษควบคุมสภาพอากาศ ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้มีสถานที่ในโตเกียวปรากฏอยู่หลายฉากเลยทีเดียว

Weathering with You

ย่านคาบุกิโจ Kabukicho

ย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) อยู่ในระแวกเดียวกันกับชินจูกุ เป็นย่านราตรี แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนชื่อดังของโตเกียว มีทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ และคลับโฮสต์ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเอง ก็ยังไปเที่ยวสถานที่ลับๆ แบบนี้กันมากมาย ย่านคาบุกิโจนี้ มีหลายสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง Weathering with You เช่น ร้าน Net Café Manboo, ร้าน McDonald’s, ร้านราเมน Tenkaippin เป็นต้น

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงสถานี Shinjuku แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

ศาลเจ้า Ginza Asahi Inari Shrine

ศาลเจ้า Asahi Inari เป็นศาลเจ้าชินโตเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ที่อาคารโอฮิโระอาซาฮี ในย่านไฮโซของญี่ปุ่นอย่าง “กินซ่า” ที่ชั้นหนึ่งจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ตั้งอยู่ ไว้ให้สำหรับสักการะ ส่วนศาลเจ้าหลักตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคาร

วิธีการเดินทาง: สถานีรถไฟใต้ดิน Ginza หรือ สถานี Higashi-ginza เดินต่ออีก 2 นาที

ตามรอยอนิเมะ โตเกียว

ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)

ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) หนึ่งในแลนมาร์คที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น อยู่ในย่านชิบูย่า เป็นแยกสำหรับข้ามถนนขนาดใหญ่ 5 แยกที่มีคนเดินข้ามมหาศาล

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงที่สถานี Shibuya

สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge)

สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) เรียกได้ว่าเป็นสะพานที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของโตเกียวเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่จะเชื่อมต่อระหว่างเกาะโอไดบะกับกรุงโตเกียว โดยสะพานแห่งนี้มีทั้งทางด่วน ทางปกติ และทางสำหรับเดินเท้าอยู่ทั้งสองด้าน สะพานแห่งนี้ยังเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของอ่าวโตเกียว ที่ใครๆก็ต้องแวะมาเช็คอินกัน โดยเฉพาะเวลากลางคืนมีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงาม เป็นจุดที่ถ่ายภาพสวยมากๆอีกจุดที่ห้ามพลาด

วิธีการเดินทาง: รถไฟสาย Yurikamome Line ลงที่สถานี Odaiba-kaihinkoen จากนั้นเดินจากสถานี หรือนั่งรถบัสที่ให้บริการ เพื่อไปยัง Rainbow Bridge

หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ (Your Name)

เป็นภาพยนตร์อนิเมะญี่ปุ่นแนวโรแมนติกและแฟนตาซี เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ทาคิ” และ “มิตสึฮะ” เด็กหนุ่มและเด็กสาวมัธยมปลายสองคนที่เกิดเหตุให้สลับร่างกันเป็นบางครั้งบางคราว ในห้วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยมีเหตุการณ์ฝนดาวตกเป็นตัวยึดโยงเหตุการณ์ทั้งเรื่องไว้ ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้ก็มีสถานที่ในโตเกียวหลายๆที่ปรากฏอยู่เป็นฉากหลัง

Your Name

NTT Docomo Yoyogi Building

ตึกสูงในย่านชินจูกุแห่งนี้ ถูกนำมาใช้เป็นฉากเปิดเรื่อง Your Name ตอนพระอาทิตย์ขึ้น ตัวตึกตั้งสูงตระหง่านอยู่ในเขตชิบุยะ กรุงโตเกียว มีความสูงเป็นอันดับสามของโตเกียว ยอดอาคารมีการติดตั้งนาฬิกาไว้จึงกลายเป็นหอนาฬิกาที่สูงที่สุดในโลก

ตึกนี้เป็นอาคารสำนักงานของบริษัทเอ็นทีที โดโคโม ทั้งนี้ภายในตัวอาคารไม่มีร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวใดๆ และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปภายในอาคาร ดังนั้นสำหรับใครที่อยากจะไปตามรอยก็สามารถถ่ายรูปเก็บบรรยากาศได้จากข้างนอกตึกเท่านั้น

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาลงสถานี Shinjuku

ศาลเจ้าสุงะ (Suga Shrine)

ขั้นบันไดบริเวณศาลเจ้าสุงะ ปรากฎอยู่ในฉากสุดท้ายในเรื่อง Your Name ตอนที่ ทาคิ และ มิทสึฮะ กำลังเดินสวนกันแต่ต่างฝ่ายต่างจำกันไม่ได้ และฉากนี้ยังถูกเอามาใส่ในโปสเตอร์อีกด้วย

ศาลเจ้าสุงะ เป็นศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ อยู่ใกล้สถานีรถไฟยตสึยะ ส่วนบันไดหินในเรื่องจะอยู่บริเวณด้านนอกศาลเจ้า ผู้คนส่วนใหญ่นิยมมาขอพรเรื่องการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ โชคลาภ ธุรกิจรุ่งเรือง และการปัดเป่าโรคระบาด หากเพื่อนๆ แวะมาตามรอยอนิเมะ โตเกียว แล้วก็อย่าลืมแวะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลไปด้วย

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาลงสถานี Yotsuya หรือรถไฟใต้ดินสถานี Yotsuya-sanchrome เดินต่ออีก 7-10 นาที

Your Name

สะพานลอยคนเดินข้ามสถานีรถไฟ Shinanomachi

โดยสถานที่นี้ปรากฏในฉากที่ ทาคิพระเอกของเรื่องเดินไปส่งรุ่นพี่มิกิที่สถานี หลังออกเดทและหยุดยืนก่อนที่จะโทรหามิซึฮะนางเอกก่อนจะเกิดจุดพลิกผันของเรื่อง หากเพื่อนๆ อยากไปตามรอยอนิเมะยืนเท่ๆ อย่างพระเอกก็สามารถเดินไปถ่ายรูปสวยๆ กันได้

วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Shinanomachi เดินประมาณ 1 นาที

ทางเดินใต้ Underpass ที่ชินจูกุ

ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงที่ย่านชินจูกุ มีลักษณะโดดเด่นของวงกลมล้อมกลางสี่แยกไฟแดง ในเรื่องปรากฏสถานที่นี้ในตัวอย่างแรกของ Your Name พร้อมเพลงประกอบ เพื่อนๆสามารถเดินเล่นแวะถ่ายรูปแสงไฟยามค่ำคืนสวยๆ ได้จากจุดนี้

วิธีการเดินทาง : จากสถานี Shinjuku เดินประมาณ 10 นาที หรือ จากสถานี Nishi-shinjuku เดินประมาณ 3 นาที

5. มหาเวทย์ผนึกมาร (Jujutsu Kaisen)

เรื่องราวของ อิตาโดริ ยูจิ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายปี 1 หนึ่งในสมาชิกชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับ ผู้ค้นพบวัตถุประหลาดที่ถูกผนึกไว้ ในขณะเดียวกัน ฟุชิงุโระ เมงุมิ ก็ได้ออกมาตามหาคำสาประดับพิเศษ นั่นก็คือนิ้วของ เรียวเมง สุคุนะ ที่อิตาโดริเก็บได้นั่นเอง แต่เหล่ารุ่นพี่ของอิตาโดริได้ทำการคลายผนึกวัตถุประหลาดนั้น จนทำให้เกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้น เพื่อจะช่วยทั้งรุ่นพี่และฟุชิงุโระ อิตาโดริจึงตัดสินใจกินคำสาประดับพิเศษเข้าไป นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ และวุ่นวายตามมา

jujutsu kaisen

สถานีรถไฟฮาราจูกุ (Harajuku Station)

สถานีรถไฟฮาราจูกุ (Harajuku Station) เป็นสถานที่ในเรื่องที่ ยูจิ และ เมงุมิ ได้พบกับ โนบาระ เป็นครั้งแรก ด้วยคำสั่งของอาจารย์โกะโจที่ให้ทั้งสองคนไปรอรับเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ ก็คือ คุกิซาคิ โนบาระ นั่นเอง

สถานีรถไฟฮาราจูกุ นั้นเรียกได้ว่าเหมือนเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของโตเกียวที่เดียว เพราะเป็นสถานีรถไฟไม้สไตล์ยุโรปอายุร่วมร้อยปีที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1924 โดยได้มีมติให้รื้อทิ้งด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ปัจจุบันสถานีฮาราจูกุใหม่เปิดทำการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตั้งอยู่ติดกันกับอาคารสถานีไม้เก่า เป็นอาคารที่เปิดรับแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่โดยรอบ ภายในประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งพักชมวิวย่านฮาราจูกุ ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของฝาก และ ร้านกาแฟ

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงที่สถานี Harajuku

ตามรอยอนิเมะ โตเกียว

ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Street)

ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Street) แห่งย่านฮาราจูกุ เป็นฉากคลายเครียดที่ คุกิซาคิ โนบาระ มาเดินช้อปปิ้งนั่นเอง ทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครนี้เยอะมากขึ้น ซึ่งถนนทาเคชิตะโดริ เป็นถนนสายแฟชั่น มีความยาว 350 เมตร โดยเริ่มต้นตั้งแต่จุดหลังจากข้ามถนนมาจากสถานีรถไฟ JR ฮาราจูกุ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับเหล่าวัยรุ่น และสายแฟชั่นแบบสุดๆ เพราะมีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแทบทุกแนว ร้านกระเป๋า นาฬิกา รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางหลากหลายแบรนด์ นอกจากร้านเสื้อผ้าแล้วก็มีร้านขนม ร้านอาหารหลายร้าน เช่น ร้านมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบของคาลบี้, ร้านขนมสายไหม, ร้านครป, ร้านซูชิสายพาน และอีกมากมาย

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงที่สถานี Harajuku

ชิบูย่า (Shibuya)

สถานที่ต่างๆ ในย่านชิบูย่า มีปรากฏให้เห็นใน อนิเมะมหาเวทย์ผนึกมาร เยอะมากๆ ในภาคอุบัติการณ์ชิบุย่า ซึ่งเป็นเรื่องราวการต่อสู้กันของบุคลากรโรงเรียนไสยเวท กับเหล่าวิญญาณคำสาปและนักสาปแช่ง ที่เกิดขึ้นในย่านชิบูย่า

ชิบูย่า (Shibuya) ถือเป็นย่านศูนย์กลางของแหล่งช้อปปิ้งของหนุ่มสาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแฟชั่น ที่นี่มีศูนย์การค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่นับสิบแห่ง รวมทั้งร้านค้าและร้านอาหารตามถนนและตรอกซอกซอยต่างๆ อีกมากมาย และยังมีแลนมาร์คที่มีชื่อเสียง อย่าง “5 แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)” และ “รูปปั้นฮาจิโกะ”

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงที่สถานี Shibuya

6. อนิเมะ จากค่าย Ghibli Studio

สตูดิโอจิบลิ (Ghibli Studio) เป็นสตูดิโอภาพยนตร์อนิเมะของประเทศญี่ปุ่น ภาพยนตร์อนิเมะของสตูดิโอนี้ เต็มไปด้วยจินตนาการ เข้าถึงอารมณ์ และได้รับความชื่นชมไปทั่วโลก โดยมีผลงานที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น สุสานหิ่งห้อย (Grave of the fireflies), โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro), มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away) เป็นต้น

Spirited Away

เสน่ห์ของผลงานจาก สตูดิโอ จิบลิ ไม่ได้เป็นแค่เพียงภาพยนตร์แอนิเมชัน แต่เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่ถ่ายทอดผ่านแอนิเมชันที่เต็มไปด้วยจินตนาการ พร้อมสอดแทรกปรัชญาของการใช้ชีวิตในแต่ละยุคสมัยได้อย่างแนบเนียน มีเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงอารมณ์คนดูจากทั่วโลกได้

My Neighbor Totoro

พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum)

Studio Ghibli Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานจากอนิเมะของสตูดิโอจิบลิ ซึ่งก่อตั้งโดย ฮะยะโอะ มิยะซะกิ (Miyazaki Hayao) ตั้งอยู่ที่เมืองมิตะกะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายในพิพิธภัณฑ์นั้น จะรวบรวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากอนิเมะของสตูดิโอจิบลิที่ทุกคนชื่นชอบมาไว้ที่นี่ การเข้าชมพิพิธภัณฑ์จะต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายตั๋วที่พิพิธภัณฑ์

สำหรับแฟนจิบลิ และสิ่งที่ทำให้ที่นี่แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ก็คือข้างในจะไม่มีพนักงานนำชม ไม่มีป้ายบอกทาง เน้นตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า Maigo ni naro yo, isshoni หรือ “มาหลงทางไปด้วยกันเถอะ” ภายในจะมีมุมถ่ายรูปตามอนิเมชั่นแต่ละเรื่องให้แชะภาพกัน การตกแต่งตัวพิพิธภัณฑ์ก็สดใสน่ารักมากๆ สามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมเลย รวมถึงมีโซนคาเฟ่ ขายอาหารให้ได้นั่งพักกันชิลๆ ด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอนิเมชั่นแบบนั้นเลย

วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR Chuo จากสถานี Shinjuku มาลงสถานี Mitaka ทางออก South Exit เดินมาที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 9 จากนั้นต่อรถเมล์ของพิพิธภัณฑ์ 5 นาที หรือเดินเท้าประมาณ 15 นาที

Ghibli Museum

การท่องเที่ยวตามรอยอนิเมะ โตเกียว ช่วยให้แฟนๆ ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ สถานที่ และเหตุการณ์ในอนิเมะที่ชื่นชอบ เสมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกการ์ตูน สัมผัสสถานที่จริงที่ปรากฏในอนิเมะ ถ่ายรูปเก็บความประทับใจ และย้อนรอยความทรงจำจากฉากสุดประทับใจ

หลังจากเที่ยวตามรอยอนิเมะ โตเกียวแล้ว หากเพื่อนๆอยากซื้อของฝาก ของสะสมเกี่ยวกับอนิเมะแล้วหล่ะก็สามารถไปดูเพิ่มเติมได้ที่ ย่านอากิฮาบาระ (Akihabara) ประตูสู่โลกอนิเมะ ที่เหล่าโอตาคุห้ามพลาด

บอกให้เพื่อนของคุณทราบ