วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) วัดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเกียวโต

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวแถบเกียวโต (Kyoto) กันบ้าง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เลยคือ วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera) หรือที่เรียกกันว่า “วัดน้ำใส” นั่นเอง ตามไปดูกันว่า…ทำไมที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ใครๆ ก็อยากไปชมความงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง

วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) วัดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเกียวโต

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) เป็นวัดที่มีความสำคัญและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมมากในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – ต้นเมษายน) ทางวัดจะมีการเปิดให้เข้าชมเวลากลางคืน มีการเปิดไฟ (illuminations) สวยงามไปอีกแบบ และช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะเปิดให้เข้าชมกลางคืนในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤศจิกายน และ ช่วงเทศกาลโอบง (Obon) ประมาณกลางเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ เช่น การเสี่ยงเซียมซี หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า Omikuji คำทำนายจะเป็นใบกระดาษแบบสุ่มหยิบ ถ้าได้คำทำนายที่ไม่ดีสามารถไม่รับได้ โดยการพันไว้ที่เสา ฝากไว้กับวัด หรือ ป้ายขอพร (Ema) ให้เขียนสิ่งที่ปรารถนาลงไป ส่วนมากจะขอเรื่องสุขภาพ การงาน การเรียน และ ความรัก

วัดน้ำใส เกียวโต ประวัติ

วัดน้ำใส หรือ วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) เป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น วัดนี้เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมมากในเกียวโต วัดนี้มีสถาปัตยกรรมสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของชาวญี่ปุ่นในศาสนาพุทธอีกด้วย

วัดน้ำคิโยะมิซุมีอายุกว่า 1200 ปี ถูกสร้างขึ้นในยุคเฮอังตอนต้น ปี ค.ศ. 778 สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการบูชาพระพุทธเจ้าและเทพเจ้า มีการสร้างและปรับปรุงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเอบิสึผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยมั่งคั่ง สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้คือ ฮอนโดะ (Hondo) อาคารหลักของวัดคิโยมิสุเดระ ตั้งอยู่บนไหล่เขาโอตาวะ (Mt. Otowa) ความสูง 13 เมตร โครงสร้างทำจากไม้ โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่อันเดียว มีการสร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1633

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

ชื่อของวัดมาจากน้ำตกที่อยู่ในบริเวณวัด ซึ่งไหลมาจากบริเวณเนินเขาใกล้เคียง “คิโยมิซุ” มีความหมายว่า น้ำสะอาด หรือ น้ำบริสุทธิ์

ปัจจุบันวัดคิโยะมิซุ เป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ (Historic Monuments of Ancient Kyoto) ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก

วัดน้ำใส Kiyomizu Dera รีวิว

เมื่อเราลงรถบัสที่ป้าย Kiyomizu-michi (หรือจะลงป้าย Gojozaka ก็ได้) จากนั้นเราจะต้องเดินเท้าขึ้นเนินกันไปเพื่อขึ้นไปที่วัดคิโยะมิซุ ตามทางเดินไปยังวัดก็จะเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านทางวัฒนธรรม ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเครื่องดื่ม มากมายหละลานตาไปหมด และของแต่ละอย่างก็ทั้งน่าซื้อและน่ากินทั้งนั้น แม้ว่าเราจะต้องเดินขึ้นเนินไปแต่ร้านที่เรียงรายอยู่สองข้างทางช่วยให้เราเพลิดเพลินจนลืมความเหนื่อยล้าไปเลย

kiyomizu dera

เมื่อเราเดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ จะเจอเข้ากับ ร้าน Ghibli Shop ซึ่งตกแต่งได้น่ารักสุด มีน้องโทโทโร่ตัวโตยืนต้อนรับอยู่หน้าร้าน บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของการ์ตูนจิบลิกันเลยทีเดียว

kiyomizu dera

kiyomizu dera

และเมื่อเราเดินไปจนสุดทางเดินจะพบกับลานกว้างหน้าวัดที่มีคนเยอะแยะมากมาย และประตูหลักของวัดคิโยะมิซุ ชื่อว่า ประตู Nio-mon สีสันสดใสตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางลาน เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปจะพบกับเจดีย์สีแดงและตัวอาคารวัดหลายอาคาร

kiyomizu dera

kiyomizu dera

เมื่อเดินต่อเข้ามาด้านในตามทางเดินมาเรื่อยๆจะพบกับ จุดบริการซื้อตั๋ว เพื่อเข้าชมอาคารหลักของวัดคิโยมิสึ ด้านในตัวอาคารหลัก เป็นอาคารไม้ทั้งหมด มีพระพุทธรูปค่อนข้างเก่า และมีให้เสี่ยงเซียมซีซึ่งมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น จุดนี้เป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสี

kiyomizu dera

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

ฝั่งตรงข้ามกับตัวอาคารหลัก เราจะเห็นเจดีย์สีแดงตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่นิยมไปขอพรเรื่องครอบครัวและการมีบุตร หากเราเดินลงมาด้านล่างของตัวอาคารหลักเราจะพบกับ น้ำตกโอโตวะ (Otowa no taki ) เราสามารถไปดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ได้ เพื่อความโชคดี ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น

kiyomizu dera

kiyomizu dera

kiyomizu dera

เมื่อเราเดินชมวัดจนทั่วแล้ว ขากลับหากเราอยากถ่ายรูปกับมุมยอดฮิตอย่าง เจดีย์ยาซากะ เจดีย์โบราณห้าชั้นสไตล์ญี่ปุ่น ที่หลายล้อมไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ เมื่อออกมาจากวัดแล้วจะมีทางเลี้ยวให้เดินไปยังย่านเมืองเก่าฮิกาชิยาม่า ซึ่งตลอดสองข้างทางจะเป็นบรรยากาศเมืองเก่า และร้านรวงขายของต่างๆมากมาย

kiyomizu dera

สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้ได้แก่

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

  1. นิโอะมอน (Nio-mon) ซุ้มประตูทางเข้าหลักของวัด เคยถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามระหว่างประชาชน ในปี ค.ศ. 1467-1477 และมีการสร้างขึ้นใหม่ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในปี ค.ศ. 2003 ประตูถูกรื้อออก และตกแต่งใหม่ ซุ้มประตูมีโครงสร้าง 2 ชั้น ขนาด 5 x 10 เมตร และสูง 14 เมตร
  2. ไซมอน (Sai-mon) เป็นประตูฝั่งทิศตะวันตก อยู่ถัดจากนิโอะมอน (Nio-mon) ไปไม่ไกล ซุ้มประตูที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1631 เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินของวัด
  3. ฮอนโดะ (Hondo) อาคารหลักของวัดคิโยมิสุเดระ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ ตั้งอยู่บนไหล่เขาโอตาวะ (Mt. Otowa) ความสูง 13 เมตร โครงสร้างทำจากไม้ มีการสร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1633 มีการบูรณะในปี ค.ศ. 2013-2014 และบูรณะใหญ่ ใช้เวลาถึง 4 ปี (กุมภาพันธ์ 2017 – มีนาคม 2020) ด้านในมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ สิบเอ็ดเศียร (Kannon Bodhisattva) เมื่ออยู่ในอาคารนี้จะมองเห็นเมืองเกียวโตได้รอบ ถ้ามองดีๆ จะเห็น Kyoto Tower สูงเด่นจากสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
  4. น้ำตกโอโตวะ (Otowa no taki ) อยู่ด้านล่างของของศาลาวัด โดยแต่ละสายจะมีความเชื่อที่ต่างกัน ได้แก่อายุยืน, ประสบความสำเร็จในการเรียน และ ชีวิตคู่ ชาวญี่ปุ่นมักจะดื่มน้ำทั้ง 3 สาย วิธีการดื่มน้ำจากน้ำตกโอตะวะ 3 สาย
  • 1. ล้างมือขวา
  • 2. ล้างมือซ้าย
  • 3. ตักน้ำใส่มือซ้ายแล้วดื่มจากมือซ้าย
  • 4. ล้างมือซ้ายอีกครั้ง
  • 5. สุดท้ายตักน้ำล้างมือทั้ง 2 ข้าง

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

เที่ยววัดน้ำใส ช่วงไหนดี

การเดินทางมาเยือน สามารถทำได้ตลอดปี แต่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเยี่ยมชมวัดนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงต่าง ๆ ของปี

  • ฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูแห่งดอกซากุระ) : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
    เป็นฤดูที่ ซากุระบานสะพรั่งจนเป็นสีชมพูไปทั่วทั้งเนินเขา มีการเปิดให้เข้าชมเวลากลางคืน มีการเปิดไฟ (illuminations) ประดับตกแต่งสวยงาม ซึ่งนับเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดในเกียวโต
  • ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
    เป็นฤดูที่สามารถเที่ยวชมวัดได้เหมือนกัน มีเทศกาลโอบง (Obon) ในเดือนสิงหาคม ซึ่งนับเป็นความงดงามที่แตกต่างไปอีกแบบ
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ฤดูแห่งใบไม้เปลี่ยนสี) : เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    เป็นฤดูที่ ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีส้ม สลับแดง สลับเหลือง ทั่วทั้งเนินเขา ไปตลอดปลายเดือนกันยายนจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน มีการเปิดให้เข้าชมเวลากลางคืน มีการเปิดไฟ (illuminations) ประดับตกแต่งสวยงาม ซึ่งนับเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในเกียวโต
  • ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
    เป็นฤดูที่วัด หิมะปกคลุม ขาวโพลนทั่วทั้งเนินเขา นับเป็นความงดงามที่แตกต่างไปอีกแบบ

วัดน้ำใส ขอพร อะไร

วัดน้ำใส Kiyomizu-dera

  1. เสี่ยงเซียมซี (Omikuji)
    ที่วัด จะมีกิจกรรมเสี่ยงเซียมซี หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า Omikuji เป็นกระดาษพิเศษที่เขียนคำทำนายอนาคตแบบสุ่มหยิบ มีหลายระดับความหมายตั้งแต่ดีจนถึงไม่ดี ถ้าได้คำทำนายที่ไม่ดีสามารถไม่รับได้ โดยการพันไว้ที่เสา ฝากไว้กับวัด
  2. ป้ายขอพร (Ema)
    ป้ายขอพร (Ema) เป็นป้ายไม้สำหรับเขียนคำอธิฐานลงไป ส่วนมากจะขอเรื่องสุขภาพ การงาน การเรียน และ ความรัก
  3. ดื่มน้ำจากน้ำตกโอตะวะ
    ตามชื่อวัดที่มี 3 สาย จึงมีความเชื่อว่า หากใครที่ได้ดื่มน้ำใสที่วัดแล้วล่ะก็จะสมปรารถนาในสิ่งที่ตั้งใจ โดยน้ำแต่ละสายนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น อายุยืน ประสบความสำเร็จในการเรียน และ ชีวิตคู่

วัดน้ำใส เดินทาง ยังไง

1. จากสถานีรถไฟ JR Kyoto Station

  • สถานีรถไฟ JR Kyoto Station –> นั่ง City Bus ขึ้นรถสาย No.206 bus (มุ่งหน้าสู่ Kitaoji bus terminal via Higasihama-dori) หรือสาย No.100 (มุ่งหน้าสู่ Ginkaku-ji via Kiyomizu-dera Gion) –> ลงที่ป้าย Gojozaka stop และเดินอีก 10 นาที
  • สถานีรถไฟ JR Kyoto Station –> นั่ง Kyoto Bus (ให้บริการเฉพาะวันเสาร์และวันหยุดเท่านั้น) นั่งรถสาย No.18 (มุ่งหน้าสู่ Ohara) –> ลงที่ป้าย Gojozaka stop และเดินอีก 10 นาที

2. จากสถานีรถไฟ Keihan Kiyomizu Gojo Station เดินประมาณ 25 นาที

การเดินทางจาก โอซาก้า ไปวัดน้ำใส

  1. จากสถานีรถไฟโอซาก้า นั่งรถไฟสาย Tokaido-Sanyo line (Special Rapid Kusatsu) –> ลงสถานีโตเกียว –> จากนั้นเดินประมาณ 3 นาทีไปขึ้น City Bus สาย No.206 –> ลงป้าย Gojozaka เดินต่อประมาณ 10 นาที
  2. จากสถานีรถไฟโอซาก้า นั่งรถไฟสาย Thunderbird (Thunderbird 11 Limited Express Kanazawa) –> ลงสถานีโตเกียว –> จากนั้นเดินประมาณ 2 นาทีไปขึ้น City Bus สาย No.86 –> ลงป้าย Gojozaka เดินต่อประมาณ 10 นาที

เวลาเปิดบริการ และค่าเข้าชม

  • เวลาเปิดปิด
    ทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. (บางเดือนมีการเปิดให้เข้าชมเวลากลางคืน)
  • ค่าเข้าชม:
    – ผู้ใหญ่ 400 เยน
    – เด็ก 200 เยน

นอกจากวัดคิโยะมิซุแล้ว ในเกียวโตก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอิ่นๆที่น่าสนใจอีก  อย่างเช่น ศาลเจ้าจิ้งจอก และวัดไดโกจิ ที่มาตอนใบไม้เปลี่ยนสี รับรองว่าสวยถูกใจแน่นอน

บอกให้เพื่อนของคุณทราบ